การดื่มน้ำอัดลมเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานถึง 60 เปอร์เซ็นต์ โดยการศึกษานี้ได้ทำการศึกษาในผู้หญิงกว่า 66,000 คน และพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมชนิดใส่น้ำตาลเทียมนั้นอาจป่วยเป็นโรคเบาหวานได้เร็วกว่าผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมแบบใส่น้ำตาลแท้ ๆ อีกด้วย
เป็นผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition ซึ่งในรายงานระบุอย่างชัดเจนว่า "น้ำอัดลมไม่มีวันดีต่อร่างกาย" แต่สิ่งที่ทีมวิจัยพบมากไปกว่านั้นก็คือ อันตรายของน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียมต่อสุขภาพนั้นสูงกว่าน้ำอัดลมเวอร์ชันปกติ ซึ่งสวนทางกับความเชื่อของผู้บริโภคจำนวนมากที่เข้าใจว่าการไม่ใส่น้ำตาลในน้ำอัดลมจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่านั่นเอง
อย่างไรก็ดี ผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคน้ำอัดลมสามารถหลีกเลี่ยงโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย แต่ถ้ารักจะเสี่ยงบริโภคอาหารชวนเกิดเบาหวาน แถมยังไม่ชอบไปออกกำลังกายด้วยแล้ว เราก็ยังมีทางแก้ดีๆ มาฝากกัน โดยเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยดีๆ จากมหาวิทยาลัย Leicester นั่นก็คือ "ต้องลดเวลาการนั่งอยู่กับที่ลงสักวันละ 90 นาทีให้ได้"
|
<br>เนื่องจากนักวิจัย พบว่า ผู้ที่ต้องลุกเดินไปโน่นมานี่บ่อยๆ
นั้นจะมีคลอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดในระดับที่ "ปลอดภัย"
กว่าผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่ทั้งวัน มากไปกว่านั้น โจเซฟ เฮนสัน
หัวหน้านักวิจัย กล่าวว่า พฤติกรรมการนั่งทำงานนานๆ
ยังนำไปสู่การรับประทานอาหารมื้อใหญ่เกินความต้องการของร่างกายได้อีกด้วย<br><br>"การ
เดินออกกำลัง การทำสวน แต่งบ้าน ทำงานบ้าน เหล่านี้ล้วนเป็นวิธีใช้เวลา 90
นาที ให้หมดไปอย่างมีคุณค่า หรือหากเป็นพนักงานออฟฟิศ
จะลุกเดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้างก็ได้"<br><br><br>
Read more about the best website, you must buy <a href="https://www.lovebreitling.com/">top fake breitling watches</a> online.<br>คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่
ชื่นชอบการบริโภคเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม
จึงควรตระหนักให้มากต่อความเสี่ยงดังกล่าว
ยิ่งท่านที่ยังมีลูกเล็กให้ต้องเลี้ยงดูด้วยแล้ว
ยิ่งต้องเห็นคุณค่าของการมีสุขภาพที่ดีให้มาก เพราะลูกๆ
ยังต้องการการดูแลจากคุณพ่อคุณแม่อีกไม่น้อยกว่า 15 ปี หากป่วยขึ้นมา
ทำงานไม่ได้ ครอบครัวอาจลำบากในที่สุด
และเป็นความลำบากที่บริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ อีกด้วย
|